หลังจากที่รู้จักเรื่องFight Clubจากเว็บไซต์IMDB ดูเป็นหนังที่มีกระแสวิจารณ์ที่ตัวบทและเนื้อหาค่อนข้างดี ประกอบกับที่เรื่องนี้เป็นผลงานจากนักแสดงมากฝีมืออย่างBrat Pittด้วยแล้วจึงไม่รอช้ารีบไปหาซื้อดูทันที
ตอนแรกที่เห็นชื่อกับโปสเตอร์ของหนังเลยคิดมาตลอดว่า เนื้อเรื่องคงเกี่ยวกับเรื่องราวความแอคชั่นสไตล์ฮอลลีวูด หรือไม่ก็เรื่องราวการต่อสู้เพื่ออะไรสักอย่างแน่นอน
แต่เนื้อเรื่องจริงของFight Clubนั้น ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดเลย เนื้อหามีความพลิกไปอีกด้านอย่างสิ้นเชิง พร้อมด้วยประเด็นหลักทางสังคม
ตัวเอกของเรื่องโดยEdward Norton ที่รับบทเป็นผุ้บรรยาย ชายผู้มีชีวิตเรียบง่ายและมองโลกในแง่ดี มีอาชีพขายสบู่ เขาเป็นโรคนอนไม่หลับ นอกจากนี้ตัวเขามักจินตนาการสิ่งที่เขาพบเจอในชีวิตประจำวันให้เป็นอยากให้เป็นเรื่องราวต่างๆนานา เช่น คิดอยากให้เครื่องบินที่โดยสารชนกันกลางอากาศ

Fight Clubถูกก่อตั้งขึ้นในรูปแบบขององค์กรใต้ดิน ที่ให้คนธรรมดาที่พบกับความกดดันในช่วงกลางวันมาระบายโดยการเปิดฟลอร์ชกต่อยกันในยามค่ำคืน
กฎเหล็กของFight Club ที่เป็นสัญลักษณ์ของหนังเรื่องนี้มากว่า10ปี คือ
กฏข้อแรกของไฟท์คลับคือห้ามผู้ใดคุยเรื่องไฟท์คลับ กฏข้อที่สองของไฟท์คลับคือห้ามผู้ใดคุยเรื่องไฟท์คลับ
หมายถึงว่า ให้ทุกคนที่เข้าร่วมในคลับปิดปากเงียบไม่พูดถึงการเข้าร่วมสมาคมยามค่ำคืนนั่นเอง นานวันเข้าที่คลับก็มีสมาชิกมากขึ้นเรื่อยๆ Tylorก็เริ่มคิดการใหญ่มากขึ้นทุกที ชักชวนให้สมาชิกในคลับเริ่มทำลายบ้านเมือง ปล้น โดยเฉพาะการวางแผนระเบิดตึกโดยใช้สบู่ทำระเบิด
เมื่อคลับเริ่มรุนแรงขึ้น ตัวเอกของเราก็เริ่มไม่เห็นด้วย คิดว่าTylorทำไม่ถูกต้อง เริ่มขัดแย้งกันอย่างรุนแรง

จนมาถึงกุญแจไขปมของเรื่อง ที่เรียกได้ว่าเป็นการพลิกล็อคจนอึ้งไปเลยทีเดียว

หนังมาเฉลยในตอนเกือบท้ายเรื่องว่าที่จริงแล้วทั้งTylorและEdward Nortonนั้นเป็นคนเดียวกัน ตัวเอกของเรื่องนั้นเป็นคนสองบุคลิกนั่นเอง ตัวเขาในช่วงกลางวันคือคนธรรมดาที่มีชีวิตตามปกติ ยอมรับวงเวียนแห่งชีวิต และทำงานตามหลักการของทุนนิยม แต่เมื่อตกกลางคืนเขาคุยกับตัวเองและสร้างภาพTylorในมุมมืดขึ้นมา ทำเรื่องต่างๆนานาตามที่จิตใต้สำนึกของตนเองคิด Marlaก็คือคนรักของเขา เขาร่วมรักกับเธอ และตั้งFight Clubขึ้น ที่ผ่านมาสิ่งต่างๆที่เขาทำร่วมกับTylor คือเขาทำมันเพียงคนเดียว

เรียกได้ว่าหนังเรื่องนี้ทำให้ช้อคไปได้พักหนึ่งเลยทีเดียว ทำให้เราต้องกลับมาคิดย้อนไปถึงเรื่องราวต่างๆตั้งแต่ต้นและนำมาเรียบเรียงเป็นเรื่องราวอีกครั้งจึงจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
นอกจากเรื่องของจิตวิทยาแล้ว David Fincher ยังแฝงเรื่องของระบบทุนนิยมที่เค้ามามีบทบาทในสังคมเข้ามาในหนังเรื่องนี้ด้วย
Tylorในภาคดาร์คแสดงออกถึงการตัดขาดจากโลกทุนนิยม ทั้งการอาศัยในบ้านโกโรโกโส ทั้งสกปรกและไม่มีกุญแจล็อกประตู แม้Tylorในภาคปกติจะเลือกใช้ชีวิตอยู่กับความเป็นจริง แต่แท้จริงแล้วเขาไม่เห็นด้วยและพยายามทำลายสิ่งปลูกสร้างที่บ่งบอกถึงนายทุน พยายามทำลายเจ้านายที่กดขี่ลูกน้อง และส่งเสริมความมีอิสระภาพในการเลือกสาขาที่เรียนรวมถึงเสรีภาพของเยาวชน

คงปฎิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่Tylorแสดงออกหลังอาทิตย์ตกดินนั้นเป็นสิ่งที่อยู่ในความคิดของมนุษย์ทุกคนที่เรียกร้องความเท่าเทียม
ดูหนังเรื่องคนสองบุคลิกแล้ว โยงให้นึกไปถึงหนังจิตยอดเยี่ยมของ Alfred Hitchcock "Psycho"ที่ยังตราตรึงอยู่จนทุกวันนี้
![]() |
PsyCho 1960 |
ป.ล ทั้งหมดที่ได้กล่าวมาเป็นเพียงความเห็นส่วนตัว